Intro

Build นี้ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเลยครับ มันเป็นบอร์ดพลาสติกธรรมดาๆ
ซื้อมาเพื่อเป็นที่ใส่ CRP C64 ที่ผมไปโดนมาล้วนๆ ปรากฏว่าตอนประกอบก็สนุกอยู่นะ
ด้วยความที่ผมเป็นคนต่อกันพลาอยู่แล้วด้วยการได้มาต่อ Kit แบบนี้ก็เลยสนุกไปอีกแบบ
แม้ว่าที่ผมได้มามันจะเป็นมือสองแต่ผมก็ต้องถอดประกอบอยู่ดี
รีวิวนี้จะเป็นความเห็นส่วนตัวของผมเช่นเดิม ทุกท่านสามารถเห็นต่างจากผมได้ตามสบายครับ

Form factor

Layout ของบอร์ดนี้เป็น 60% หน้าตาดูออกไปทาง Vintage เล็กๆ
คือมันทำมาเพื่อคารวะ Commodore 64 ที่เป็น 8-bit Home computer ที่ผลิตตัังแต่ปี 1982 นู่น
ผมก็เกิดไม่ทันเหมือนกันครับ แต่ถ้าท่านเกิดทันก็……..

วัสดุเป็นพลาสติกที่เราต้องมาตัดเกทประกอบเอง สีออกตุ่นๆเป็นสีเดียวกันกับ CRP C64 เป๊ะ
มันก็ต้องเข้าแหละแต่ผมไม่คิดว่ามันจะเนียนขนาดนี้ มีความน่ารักและมีสเน่ห์อยู่ในตัวพอสมควร
แต่ Keycap, PCB, Plate เราต้องหามาเองนะ ตัวมันมีแค่ Case กับฐาน

ตอนประกอบก็สนุกไม่เบามันทำมาให้ประกอบเข้าด้วยกันง่าย ตัวเคสเสียบๆเข้ากันก็เสร็จ
รอยเกทมันก็ทำหลบให้เนียนอยู่ มีฐานมาให้ต่อประกอบเพื่อวางโชว์ด้วย เยี่ยมเลยครับ

Image

ด้านหน้า

ด้านใต้

ด้านข้าง

ด้านหลัง

ด้านหน้า

Typing feel

Mounting style เป็นแบบ Tray mount
Plate เป็น Aluminum ธรรมดาไม่ได้ยัดอะไรให้มันไปเพิ่มความแข็งอีก

Build นี้ผมเลือกใช้ Switch เป็น Gateron Yellow KS-3X1
เพราะความขี้เกียจเฉยๆนี่ล่ะครับ คือกะว่าเอาไว้ตั้งโชว์ซื่อๆเลย ไม่งั้นก็แค่หยิบมาเล่นเกมที่ต้องรัวปุ่ม
ก็เลยเน้นถูก ง่าย สบายกระเป๋า แล้วก็มี Feeling ที่ยังโอเคอยู่

แต่ไอ้ครั้นจะทนใช้ Tray mount ตรงๆเลยมันก็จะรู้สีกแข็งไปหน่อย ต้องหาทำกันบ้าง
ผมก็เลยต้องทำ O-Ring mod โดยเอาไปรองน็อตแล้วก็ไขเข้าไปง่ายๆ
เลือกจุดไขให้ดีก็โอเคแล้ว ผมก็ใช้น็อตแค่ 5 ตัว พอไขจนมันอยู่ก็โอเค

ความ Flex แทบไม่มี แต่ไม่สะท้านนิ้วขนาดนั้นเพราะเราทำ O-Ring mod มันก็กดยุบนิดๆนะ
ความ Bouncy แทบไม่มีเพราะ O-Ring แบบนี้มันบาง แล้วมีน็อตปักลงไปอีกก็อย่าไปหวังอะไรมัน
Feeling พอได้พิมพ์โอเค สบายมือกว่า Tray mount หน่อยนึงตรงตอน Bottom out ไม่ดีดนิ้วให้เจ็บ

Typing angle 7 องศาปกติ พิมพ์ได้สบายๆ แนะนำว่าควรใช้ Wrist rest เพราะด้านหน้าสูง

โดยรวมผมก็ไม่ได้หวัง Typing feel จากมันว่าต้องดีขนาดไหนหรอก แต่มันก็เข้าท่ากว่าใช้บอร์ด Gaming ทั่วไปอยู่เยอะนะครับ

Sound

เสียง Switch ไม่ดังเท่าไหร่ ออกไปทางโทนต่ำ จากระยะที่นั่งพิมพ์ไม่ได้ยินเสียงสากๆหรือเสียงสปริง
ก็ค่อนข้าง Surprise เพราะผมใช้แบบ Stock ที่มี Factory Lube มาอยู่แล้ว
เสียงของมันก็เข้ากับบอร์ดที่เป็นพลาสติกอยู่พอสมควรเลย ผมแอบงงนิดๆว่ามันออกมาดีกว่าที่คาดไว้แฮะ

ยัด Polyfill เข้าไปพอสมควรเพราะเคสค่อนข้างกลวงก็โอเคเลย เก็บเสียงสะท้อนได้ดี

สรุปโดยรวมคือ น่าแปลกใจที่มันเข้าท่า กดแล้วไม่รำคาญหูเลยสักนิด ไม่เลวเลยล่ะครับ

Things I like

  • ประกอบสนุก
  • สีดูเนียนตาเข้ากับ CRP C64 เป๊ะๆ
  • มีฐานมาให้ตั้งโชว์บอร์ด

Things I don’t like

  • Tray mount
  • Tolerance ไม่ดีเท่าไหร่ ซ้ายห่างกว่าขวาหน่อยนึง

Modification

List Detail
Switches Gateron Yellow KS-3X1
Film -
Lube Factory
Keycaps CRP C64
Stabilizers Equalz C3v2
Sound Dampening Polyfill

Sound Check by Me

Bonus Cat!

Maggie and Cloudy.

วันนี้ล่ะครับที่เป็นวันครบรอบการจากไปของคลาวดี้ มีภาพสมัยยังเด็กๆมาฝาก
กำลังช่วยอัพเดท OS เลยไหมล่ะ ดูตั้งใจทำงานน่าดู

เล่าถึงชีวิตช่วงที่เป็นซึมเศร้าจนเสีย Function ในการใช้ชีวิตปกติต่อว่ารอดมาได้ยังไง
ผมออกจากงาน เงินก็เริ่มร่อยหรอ ต้องไปหาหมอทุกๆเดือนเพื่อรับยา
ความจำช่วงนั้นผมจะสับสนหน่อยนะครับเพราะว่าช่วงได้รับยาใหม่ๆคือมึนมาก
ช่วงนั้นแม่ผมทราบเรื่องแล้วล่ะแต่เขาไม่ได้เข้าใจโรค ก็ตามสูตรเลยคือจะให้ผมนั่งสมาธิอะไรเทือกๆนั้นตามความไม่เข้าใจของคนยุค Baby boomer
ด้วยความเป็นห่วงเขาก็อยากให้ผมกลับไปอยู่บ้านซึ่งผมก็ดื้อไม่กลับ กว่าจะเข้าใจกัยได้และช่วยหาข้อมูลแนะนำโรงพยาบาลให้ผม จัดแจงพาไปรักษาก็พักนึง

ตอนนั้นผมยอมรับว่าลำบากพอสมควร ก็ได้ภรรยานี่ล่ะครับ(ตอนนั้นยังไม่แต่งงาน) Support ในทุกๆด้าน
คอยเป็นกำลังใจให้ ช่วยไปหาหมอเป็นเพื่อนในช่วงแรกๆ ทำอาหารดีๆ คือเลี้ยงผมอย่างลูกเลย 555

จากที่แทบไม่กินข้าว แทบไม่นอนหลับ นั่งเหม่อไม่รู้เรื่องเป็นวันๆแทบไม่รู้สึกตัวเลยนะ
เพราะเราจะคิดวนอยู่แต่เรื่องหาทางตายอย่างเดียว ทางแก้ของหมอคือแก้เป็นเรื่องๆไป
กินข้าวไม่ได้ก็กินวิตามินให้มันอยากอาหาร นอนไม่หลับก็เอายานอนหลับไป

พอกินยา ปรับยา หาหมอไปได้สักเดือนนึง ผมก็เริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ กินข้าวได้ นอนหลับดี
ก็ได้อาจารย์สมัยเรียนมหาลัยท่านหนึ่งที่ทราบเรื่องผม ท่านก็ถามผมว่าทำงานไหวหรือยัง ท่านมีงานที่คิดว่าเหมาะกับผมพอดี
ท่านทราบดีว่าผมยังมี Potential ผมก็ยังลังเลในตอนแรก แต่ก็ตอบรับไปเพราะผมรู้ว่าท่านหวังดีจริงๆ

หลังจากนั้นวันเดียวเองมั้ง ผมก็นัดสัมภาษณ์งานกับ CEO บริษัทที่ผมทำอยู่ปัจจุบัน โดยสถานที่คือร้าน Steak แห่งหนึ่งที่ผมจัดแจงจองไว้
คุยกันสบายๆ เรียบง่าย โดยพูดกันถึงเรื่องงานว่ามันจะช่วยทำให้ผมมีเป้าหมายในการใช้ชีวิตมากขึ้น เพราะงานนี้เป็นเรื่อง Health Technology
และเกี่ยวกับเรื่องด้านยาด้วย จากที่ผมมองว่างานเป็นเรื่องเงินล้วนๆ งานนี้เลยได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มากขึ้น ผมก็รับงานเลย
ตกลงกันเสร็จสรรพก็นัดวันแล้วเซ็นต์สัญญา หลังจากนั้นก็อยู่มายาวๆ
มีไม่เยอะหรอกนะครับ ที่ๆเราจะสามารถทำงานด้วยความสบายใจเต็มร้อยได้

พอเราเริ่มกลับมาเป็นผู้เป็นคนผมก็เลยคิดว่าต่อจากนี้ผมจะพยายามเป็นคนที่ดีขึ้นทุกวัน ช่วยเหลือคนอื่นมากขึ้น แบ่งปันมากขึ้น
พยายามควบคุมอารมณ์มากขึ้น เข้าใจโลกให้มากขึ้น ให้โลกปัจจุบันมันน่าอยู่มากขึ้นวันละนิดก็ยังดี

เอาเป็นว่าถ้าวันใดวันหนึ่งคุณรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนโลกทั้งใบมันล่มสลาย อย่าลังเลที่จะรับความช่วยเหลือจากผู้คนรอบกายคุณ
หรือแม้กระทั่งผมเองก็ยินดีที่จะแนะนำหรือรับฟังปัญหาของท่านครับ ขอให้ท่านพยายามสื่อสารมันออกมาตรงๆเถอะ