Intro

ด้วยความหัวร้อนจาก Raffle ปนความอยากได้จนเริ่มกระวนกระวาย
ร่ำร้องหาทุกวัน วันพระวันเจ้าไม่เว้นกันเลย มันเป็นอะไรก๊านนนน

ประจวบเหมาะกับจังหวะที่เงินในบัญชีที่ซุ่มสะสมไว้ถึงราคาที่เอื้อมได้พอดี ก็ถึงเวลาเสียตังค์
Keycult เป็นบอร์ดที่ผมอยากได้มานานแล้วแต่จังหวะ + ราคา + ขนาด + สีที่ชอบ ไม่สัมพันธ์กันสักที
จนกระทั่งตัวนี้ล่ะที่่ทุกอย่างเป็นใจให้เสียเงิน ได้มาครอบครองเสียที

Build นี้คือผมรู้แล้วว่า Character ของ Keycult No.1 เป็นอย่างไร
ผมต้องการให้บอร์ดนี้ทุกอย่างสมดุลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งเสียงและการพิมพ์
มองอีกมุมก็อาจจะดูน่าเบื่อ แต่สุดท้ายมันจะกลายเป็นบอร์ดที่จะหยิบมาใช้งานได้โดยไม่ต้องคิดอะไร
ไม่หวือหวาแต่สามารถกลับมาตายรังได้เสมอ และตอนอยู่ในตู้ก็จะต้องยังดูโดดเด่นอยู่

รีวิวนี้จะเป็นความเห็นส่วนตัวของผมเช่นเดิม ทุกท่านสามารถเห็นต่างจากผมได้ตามสบายครับ

Form factor

Layout ของบอร์ดนี้เป็น 60% หน้าตาดูธรรมดา หรูหราเรียบร้อย สวยซ่อนรูป ขนาดกระทัดรัด
เป็น 60% ตัวแรกของผมเพราะโดยปกติผมจะชอบ 65%-75% มากกว่าด้วยความที่ว่าผมติด Arrow
แต่หน้าตาของ 60% มันดูเรียบร้อยถูกระเบียบกว่าจริงๆแหละ

เลือก Switch layout เป็น Split backspace และใช้ Spacebar 6.25U
แต่ Shift ขวา ผมต้องเลือกเป็น 1.75U เพื่ออะไรเดี๋ยวจะไปอธิบายในหัวข้อ Tips ครับ

ผมได้สีเคส E-White มี Weight กับ Accent และ Plate เป็น Aluminium สี Anodized Deep Red
เป็นสีแดงสดๆที่ดูดีมากในสายตาผม

ด้านบนและด้านข้างมี Accent สีเดียวกับ Weight เส้นสายดูเรียบร้อยสบายตา
มี Logo Keycult (กุญแจไขเป๋าตังค์) สลักไว้เล็กๆอยู่ตรงกลางของด้านหลัง

ตัวเคสมีสามชิ้น คือ Weight, Bottom, Top เป็น 6063 Aluminum ล้วนๆ
ทุกชิ้นส่วนงานสีผิวเนี๊ยบ เนียนกริบตามที่คาดไว้ไม่ผิด คิดไว้ไม่พลาด
ด้านใต้บอร์ดจะเห็น Weight ที่เคสเว้นช่องไว้รับเป็นเอกลักษณ์ของ No.1 ที่เหมือนกันในทุก Layout
โดยรวมคือเรียบและสวยแบบพอเหมาะพอดี ไม่มีส่วนไหนประดักประเดิดให้ขัดหูขัดตา

Keycap ผมเลือกเป็น GMK Classic Red ใส่ Red Alphas ให้ความรู้สึกร้อน(ที่เงิน)
โดยคิดเอาเองว่ามันน่าจะเพิ่มไฟในการทำงานขึ้นมาได้ 98.9765%
ถ้าจะถามว่าทำไมไม่ใส่ Alphas ขาวปกติ ในเมื่อสีแดงมันเป็น Accent ของบอร์ด
เหตุผลคือขาวของ Classic Red มันไม่ใช่ WS2 ผมมองว่ามันไม่เข้ากับ E-White
แล้วก็อยากให้มันดูโดดเด่น ให้คนไม่ได้กด Red Alphas ตาร้อนเล่นก็เท่านั้นเอง อิอิ

น้ำหนักไม่มากไม่น้อยกำลังดี ถือว่าทำได้ลงตัวทุกอย่างเลยครับ

Image

ถ่ายกับป๋า Hide

ด้านหน้า

ด้านใต้

ด้านข้าง

ด้านหลัง

สายจาก CableMod ที่ผมเลือกมาเข้าข้อ เอ้ย! เข้าคู่

config ของสาย
code : thailand40 ลด 40% และลดค่าส่ง 10$ ยังมีอยู่นะครับ ไปตำเถอะสวยจริง

ผมพยายามหัดถ่ายให้มันดีกว่าเดิมแต่ก็ยังคุมอะไรไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ ไว้จะปรับปรุงต่อไปนะครับ

Typing feel

Mounting style เป็นแบบ Isolated gasket sandwich
Plate เป็น Aluminum มี Leaf-spring

Build นี้ผมเลือกใช้ Switch เป็น Durock POM ที่ผมจัดให้เป็น Personal best
ด้วยเหตุผลที่มันเป็น Long pole แต่มี Travel 4mm. เหมือนปกติทั่วไป
Spring ธรรมดา น้ำหนัก 63.5g Bottom out กำลังพอเหมาะ
ไม่สากแต่ไม่ลื่นเท่า Alpaca V2 คือผมมองว่ามันกลางๆ สมดุลทุกอย่างก็เลยชอบเป็นพิเศษ
เพราะผมต้องการให้ Build นี้พิมพ์ง่าย มี Feeling ที่เรียบง่าย เข้ากับหน้าตาของบอร์ด

ความ Flex ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ แต่ไม่สะท้านนิ้ว
ความ Bouncy มีนิดหน่อย เด้งเล็กน้อยกำลังดี ผมชอบอยู่แล้วครับเด้งนิดๆแบบนี้
Feeling มันค่อนข้างนิ่ง ค่อนข้างเสมอกันทั้งบอร์ด ไม่หวือหวาแต่รู้สึกดี
Typing angle 8 องศาก็ถือว่าชันกว่าทั่วไปนิดหน่อย
แนะนำว่าควรใช้ Wrist rest เพราะด้านหน้าค่อนข้างสูง จะเกิดการเมื่อยได้ถ้าพิมพ์นานๆ

Space bar เด้งสู้ดี เหมือนเดิม ที่ผมเคยบอกไว้ตอนลอง No.1 Rev.2 TKL
ชอบมากเหมือนเดิม ผมชอบทุกอย่างของมันนั่นล่ะครับ

Sound

เสียง Switch ไม่ชัดจนกลบ Character ของบอร์ดแต่ก็ดังพอประมาณ
ไม่แหลมไป ไม่ทุ้มไป โปร่งๆด้วย Housing ที่เป็น POM และ Stem ที่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็น UHMWPE blend
แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า Stem เป็นอะไรกันแน่นะ เพราะ Durock บอกว่าเป็น Mystery material stem
Lube ด้วย 205G0 และ Film ด้วย Kelowna HTV+PC

เสียงที่ได้ออกมาถ้าจะบรรยายด้วยตัวอักษรผมว่ามันคล้ายๆกับเสียงเขย่ากระป๋อง Spray เวลาพิมพ์
ไพเราะเสนาะโสตประสาทหูของผมเป็นยิ่งนัก
นั่งพิมพ์เวลาทำงานนี่คือเสียงโคตรฟินเลย ชอบจริงจัง

เสียงโดยรวมจะต่างกับ No.1 Rev.2 TKL เล็กน้อยตรงที่ที่ว่างมันน้อยกว่า ทำให้เสียงค่อนข้างออกมาเสมอกันมากกว่านิดหน่อย
เสียง Spacebar กดดังป็อกๆ Clean มาก ดีงามตามท้องเรื่องเหมือนเดิม

สรุปก็คือเสนาะหู นั่งพิมพ์ทั้งวันก็ฟินทั้งวัน ไม่ดังมากแมวหลับข้างบอร์ดได้ครับ

Tips for 60% Newbie

ต้องเขียนให้อ่านกันหน่อยเพราะคนส่วนใหญ่จะเคยชินกับการมี Arrow มาตลอดรวมถึงผมด้วยเช่นกัน
เผื่อใครจดๆจ้องๆอยากได้ 60% แต่ก็กังวลกลัวจะใช้ไม่ได้หรือว่ากลัวจะลำบากในการใช้งาน
แล้วก็ต้องมาเฉลยด้วยว่าทำไมผมถึงต้องเลือก Split backspace และ Shift ขวาเป็น 1.75U
โดยมี Bonus เป็นการประหยัด Stab (ใช้แค่ 3 ที่)

มีเงื่อนไขที่ผมต้องการตามนี้

  • ผมยังต้องการกด Arrow มือเดียวที่จุดล่างขวาเหมือนเดิม
  • ผมยังอยากมี Shift ขวาเพื่อจะได้พิมพ์มือเดียวได้
  • ผมยังต้องการปุ่ม Delete ที่อยู่บน Layer 0

Layer 0 สูตรนี้จะใช้ได้แค่ WK นะครับ

M0 ผมตั้ง Macro เป็น Combination เพื่อเปลี่ยนภาษา

Layer 1 ไม่มีอะไรพิเศษตั้งตามใจขอแค่มี F1-F12

เท่านี้ก็หมดปัญหา จะเห็นได้ว่าถ้าใช้ 65% ได้ ก็สามารถใช้ 60% ได้ไม่ต่างกันเลยและไม่รู้สึกขัดใจเรื่องตำแหน่ง Arrow ด้วย
จริงๆแล้วมันก็มีอีกหลายวิธีล่ะครับ แล้วแต่จะถนัดกันเลย เพราะผมเคยบอกแล้วว่าถ้าเราชอบ เราจะปรับตัวเองได้
ไว้วันหลังผมค่อยเขียนว่าถ้าเป็น WKL ผมจะใช้ในท่าไหนนะครับ แต่คงไม่ได้ถนัดเท่านี้

Is this my endgame?

ตอบสั้นๆว่า “ไม่ใช่” เอ้า! แล้วถ้าตอบยาวๆล่ะ “ม่ายช่ายยยยยยยย” 55555
มันไม่ใช่ Endgame เพราะว่าผมไม่ได้มองหา Endgame แล้วครับ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีหรืออะไรหรอก
พอได้บอร์ดนี้มามันชัดเจนเลยว่าผมยังอยากได้ Keycult เพิ่ม ถ้า Raffle ได้ โดยที่ผมไม่ต้องใจร้อนกับมันอีกแล้ว
และยังอยากได้บอร์ดอื่นๆอีกมากมาย ไหนจะพวกที่เป็น ALPS, Buckling spring, Topre อีก
ก็จะค่อยๆเล่น ค่อยๆทำงานหาตังค์มาซื้อบอร์ดเก็บเป็นงานอดิเรกต่อไปเหมือนเดิมครับ

Unbox experience

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เขียนเรื่องกล่องสักหน่อยให้อินเทรนด์กับเขาบ้าง
มีสองกล่องแยกกันมา กล่องนึงเป็นกล่องสีดำดูหรูหรา มีตรา Keycult นูนๆ ถ้ามันจะบุบจะลอกก็เรื่องธรรมดาเพราะของตั้งแต่ปี 2019
ตัวผมไม่ซีเรียสเรื่องกล่องหรอกครับ ขอให้ของข้างในยังสมบูรณ์ก็ถือว่ากล่องได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว

มี Seal กระดาษกั้นไว้โดยมีรายละเอียดของบอร์ดอยู่บนนั้น มีโฟมยัดอยู่ด้านในให้พอดีกับบอร์ดที่ใส่ Keycap ไว้ได้
ค่อยๆดึงโฟมด้านในออกมาก็จะเจอกับบอร์ดของเรานอนอยู่ตรงกลาง

อีกกล่องเป็นกล่องลังธรรมดามีตราปั๊มเป็น Logo Keycult เล็กๆอยู่
ด้านในมีกระดาษฝอยๆ, PCB, Plate, Card, จดหมายขอบคุณ, ผ้าที่มีตรา Keycult

เอาจริงๆผมอยากให้มันรวมเป็นกล่องเดียวด้วยซ้ำ สองกล่องแบบนี้เก็บยากกว่าเดิมเพราะต้องมีกล่องนอกอีกชั้นเปลืองที่เก็บ
รูปกล่องขอถ่ายแค่พอเห็นไม่ต้องละเอียดนะครับ แมวผมจ้องจะโดดเข้ากล่องตลอด วุ่นวายมากครับ

Things I like

  • Everything

Things I don’t like

  • ราคา Resell

Modification

List Detail
Switches Durock POM
Film Kelowna HTV+PC
Lube Krytox 205g0
Keycaps GMK Classic Red + Red Alphas
Stabilizers AEBoards Staebies lubed with Krytox 205g2
Sound Dampening -

Sound Check by Keeblook

รายละเอียดของ Switch ในคลิปจะไม่ตรงเพราะผมไม่ได้บอกพี่โปรไปว่าผมใส่ Film อะไรไปนะครับ

Bonus Cat!

His name is Cloudy.

เดือนนี้เป็นเดือนครบรอบการเสียของคลาวดี้ แล้วผมก็จัดที่ไว้เพื่อรำลึกถึงเขาไว้ในตู้เสร็จแล้ว
จึงถ่ายมาให้ชมกันเผื่อจะเป็นไอเดียให้กับผู้ที่สูญเสียสัตว์เลี้ยงที่รักไป
และให้รู้ว่าตอนเขายังอยู่ก็ใช้เวลากับเขาให้มากแล้วเก็บภาพความทรงจำกับเขาไว้บ้างนะครับ

คลาวดี้เป็นเด็กที่จะถูกนำไปทิ้งแน่ๆถ้าผมไม่รับมาเลี้ยง เพราะเขาดันไปเกิดใต้คอนโดที่ห้ามเลี้ยงสัตว์แห่งหนึ่ง
โดยที่แม่ของคลาวดี้น่าจะเสียไปแล้ว จึงมีคนนำมาหาบ้านในโครงการรักษ์แมว
เขาพยายามจะออกจากกรงตอนผมเดินผ่าน พอเปิดกรงก็เดินมาบนมือเลยผมก็ไม่คิดมากครับ เซ็นต์เอกสารแล้วรับกลับบ้านทันที

เขาเป็นเด็กที่ไม่ค่อยวุ่นวาย ค่อนข้างชอบปลีกวิเวกจะไม่มารบกวนแบบเดินเหยียบคีย์บอร์ดหรือสร้างปัญหาใดๆนัก
จะมีก็แต่เวลาที่ผมนั่งทำงานหรือเล่นเกม เขาจะชอบมาสะกิดแบบยื่นมือมาแตะเราเบาๆให้ลูบเขา อุ้มเขามานั่งตักหน่อย
เป็นแมวที่ชอบเล่นคาบของแบบโยนไปแล้วคาบกลับมาให้โดยที่ผมก็ไม่ได้ฝึกเขานะ เขาทำของเขาเอง

เนื่องจากตั้งแต่เกิดมาเขามีโรคติดตัวมาคือลิวคีเมียและเอดส์แมวมาอยู่แล้ว
ในช่วง 1-2 ปีก่อนที่เขาจะเสียมีโรคแทรกซ้อนมากมายเช่น ควบคุมการฉี่ไม่ได้ ทรงตัวไม่ค่อยอยู่เพราะมีเนื้องอกที่กระดูกสันหลัง
เหงือกมีเลือดออกตลอดเวลา กินข้าวเม็ดไม่สะดวก ผมพยายามรักษาทุกวิธีที่จะทำให้เขาไม่ทรมาน
ให้เขาใช้ชีวิตให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในช่วงก่อนตายเขาก็เหมือนรู้ตัวว่าไม่ไหวแล้ว เขาก็พยายามอยู่กับผมให้มากที่สุด

ช่วงใกล้เสียจากที่ไม่เคยนอนด้วยเขาก็มานอนให้กอดทุกคืน จากที่ไม่เคยวุ่นวายมากเขาก็จะพยายามมาอยู่ใกล้ๆเราเสมอ
จนกระทั่งวันที่เขาจากไป เขาไม่สามารถขยับตัวได้ หายใจรวยรินแบบถ้าเขาหลับไปก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ตื่นมากอีก
ผมเอาเขาใส่เปลมานอนใกล้ๆหน้าต่างตรงจุดที่ผมนั่งทำงาน ให้เขาได้ดูนก ดูผมทำงาน มองท้องฟ้า
เขาก็นอนโดยไม่ยอมหลับตาอยู่เป็นวัน จนกระทั่งถึงเวลาไปของเขาก็จากไปอย่างสงบ

ตอนเขาจะไปผมเห็นแล้วว่าเขาหายใจรวยรินมาก ผมกอดเขาไว้อยู่จนกระทั่งเขาหยุดหายใจและต่อไปอีกจนตัวเริ่มเย็นแข็ง
ช่วงเวลานั้นผมทำใจแทบไม่ได้ที่จะต้องเอาเขาไปฝัง (เตรียมที่ฝังไว้แล้วเพราะรู้ว่าเขาไม่ไหวแล้ว)
ผมจำไม่ได้ว่าลางานกี่วันเพื่อที่จะนอนอยู่เฉยๆไม่เป็นอันทำอะไร เนื่องจากคิดถึงเขามากจริงๆ

เขียนไปก็น้ำตาไหลไป เรื่องโรคซึมเศร้าขอติดไว้ก่อนนะครับ ไว้วันหลังจะมาเล่าต่ออีกที ขอให้ทุกท่านใช้เวลาอย่างมีความสุขกับครอบครัว เดินทางปลอดภัย รักษาสุขภาพและสวัสดีปีใหม่ไทยครับ